มุ่งเน้นเศรษฐกิจสีเขียว.....ปรับธุรกิจให้พร้อมกับมาตรฐานใหม่

มาตรฐานด้านความยั่งยืน (Sustainable Standards) หรือมาตรฐานสีเขียว (Green Standards) เกือบทั้งหมดที่ใช้กันอยู่ในประเทศและระดับสากลจะมีความเหมาะสมกับวิสาหกิจขนาดใหญ่หรือขนาดกลางมากกว่า สสว. จึงได้พัฒนา Green SME Index ขึ้นตั้งแต่ปี 2566 โดยคำนึงถึงศักยภาพของวิสาหกิจรายย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง หรือ MSME

สสว. มุ่งหวังให้ Green SME Index เป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ในวงกว้าง เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมให้ MSME ได้ประเมินศักยภาพธุรกิจตามแนวคิดธุรกิจสีเขียว (Green Business) เพื่อให้ทราบประเด็น ที่ควรปรับปรุงและพัฒนายกระดับในมิติต่างๆ สร้างทักษะในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและ ก้าวข้ามอุปสรรคทางการค้า (Trade Barrier) ในตลาดโลก ทั้งนี้ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

Green SME Index ตั้งใจออกแบบให้เป็นบันไดขั้นต้นสำหรับการพัฒนา MSME ไปสู่มาตรฐานระดับชาติและระดับนานาชาติ และมุ่งให้มีความเชื่อมโยงกับมาตรฐานต่างๆ ที่มีอยู่ โดยการพัฒนา Green SME Index อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดด้านเศรษฐกิจสีเขียว, ESG, BCG และ SDGs เพื่อความยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดโลก

ประโยชน์ของ Green SME Index ที่มีต่อ MSME

• เป็นเครื่องมือในการประเมินสถานะความยั่งยืนของ MSME ในมิติของธุรกิจสีเขียว

• ชี้ให้เห็นภาพว่าทิศทางในการพัฒนาวิสาหกิจในธุรกิจสีเขียวให้ยั่งยืนยิ่งขึ้นเป็นลำดับสามารถทำได้อย่างไร

• ใช้ประกอบการพิจารณาคำขอเงินกู้ในมิติของธุรกิจสีเขียว หรือได้รับสิทธิพิเศษทางการเงิน

Green SME Index ตั้งใจออกแบบให้เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับประเมินตนเอง (Self-Assessment) โดยแบ่งออกเป็น 4 มิติ ประกอบด้วย

มิติที่ 1 การจัดการความยั่งยืน (Sustainability Management)

มิติที่ 2 ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)

มิติที่ 3 ระบบบริหารจัดการ (Governance)

มิติที่ 4 นวัตกรรม (Innovation)

Green SME Index สามารถรายงานช่องว่างในการปรับปรุง (Gap) และให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการปรับปรุงเพื่อปิดช่องว่างให้ได้คะแนนที่สูงขึ้นในแต่ละมิติสำหรับวิสาหกิจแต่ละระดับได้

ในปี 2568 ได้มีการเพิ่มส่วนของการประเมินศักยภาพในการประหยัดพลังงาน การประหยัดน้ำ และการลดของเสียและปริมาณการใช้วัตถุดิบ ต่อยอดไปจากมิติที่ 1 Sustainability Management เพื่อให้สามารถประเมินโอกาสในการยกระดับความเป็นธุรกิจสีเขียวในเชิงปริมาณได้ ซึ่งข้อมูลเชิงปริมาณที่ได้จะเป็นประโยชน์ในการกำหนดทิศทางและนโยบาย รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้การพัฒนาและส่งเสริม MSME ของประเทศสามารถดำเนินไปได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป